หยุดชีวิตซวนเซ ทีเลห์ลาดัก 7 (์Hunder Nubra valley - Pangong lake)

ติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวดีๆ ที่ : 👉👉👉 BACKPACKGO

หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดักSpecial (โรคแพ้ความสูง และการเตรียมตัว)
หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดัก 1 (์ฺBangkok city - New Delhi)
หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดัก 2 (New Delhi - Leh City)
หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดัก 3 (Leh City - Hemis - Thiksey  - Shey Palace - Leh Main Bazaar)
หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดัก 4 (Lamayuru Monastry - Alchi Monastry - Likir Monastry)
หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดัก 5 (Leh City - Hunder Nubra Valley)
**************************
25 พ.ค. 2561 : Hunder Nubra Valley - Pangong lake


ได้เวลาที่เราต้องมือลา หมู่บ้านHunder nubra เล็กๆที่น่ารัก ทั้งสภาพหมู่บ้านและผู้คน ออกจาก รร. กันตั้งแต่ 9.00 น. เพื่อไป Pangong lake โดยผ่านหลายสภาพภูมิประเทศ ทั้งทะเลทราย เทือกเขา หุบเขา ร่องเขา แม่น้ำ ลำธาร น้ำตก แอ่งน้ำ ลำห้วย ทุ่งหญ้า เนินหิน ลัดเลาะ ตามแม่น้ำ shayok จนไปถึงทะเลสาบPangong จาก Hunder Nubra ไป ที่ทะเลสาบPangong ระยะทางประมาณ 170 กิโลเมตร (โดยปกติจะใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง)




เราเเวะทานข้าว กันระหว่างทาง ได้ สั่งveg momo, ข้าวสวย, ไข่เจียว, ข้างแกงกระหรี่แพะ, และน้ำเมาเท่นดิว รวม 325Rs




ก่อนเข้าช่วงถนนมุ่งสู่ pangong lake จะมีจุดตรวจเอกสาร ซึ่ง ไกด์ท้องถิ่นจะเป็นคนจัดการเอกสารขออนุญาตเข้าพื้นที่ให้กับนักท่องเที่ยวทุกคน

ก่อนถึงเราจะพบกับทุ่งหญ้าที่มีชีวิต ทั้งม้าป่า แพะ แต่ที่เป็นที่สุดคือ ตัวยักค์(yak) สัตว์คล้ายควายที่มีขนยาว และ ตัวมามุท(Himalaya marmot) ที่น่ารัก ตัวคล้ายหนูยักษ์ผสมกับกระต่าย จะอยู่ตามรูใต้พื้นดิน ซึ่งทั้งสองคือ สัตว์ประจำถิ่นนี้ เป็นดาราเอกประจำทริปเลห์เลยล่ะ! จะมีแค่ แพะ แกะ ควาย ที่จะมีชาวบ้านเลี้ยง นอกนั้น จะถูกปล่อยให้ใช้ชีวิตอิสระตามธรรมชาติ ไม่มีการกักขังใดๆ ยกเว้นพวกแกะแพะเป็นสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน



ตัว marmot พระเอกแห่งท้องทุ่ง




 เราถ่ายรูปกันมาเรื่อยๆ ประมาณ3.30น. เราก็เริ่มเห็นทะเลสาบแปงกองมาอวดโฉม สวยสมคำร่ำลือ ไม่เเปลกใจที่ใครๆเมื่อมาถึงเลห์ ต้องมีปลายทางที่ทะเลสาบนี้เสมอ เราได้แวะถ่ายรูปกันสักครู่ริมทะเลสาบ ซึ่งลมที่นี้ หนาวมากๆๆ เวลาลมมากระทบผิวมันสะท้านทั้งตัว แต่เราก็ทนได้เพื่อวิวที่ประทับใจมากกว่า เราอยู่กันได้แค่ 30 นาทีก็ต้องหนีขึ้นรถ เพราะหนาวมาก แล้วเราก็ลัดเลาะขอบทะเลสาบไปที่พัก ซึ่งวันนี้เราจองเป็นเตนท์เพื่อดื่มด่ำบรรยากาศและความรู้สึกให้เต็มที่

Pangon lake(ทะเลสาบแปงกอน) ชื่อทางการ คือ Pangong Tso (Tso = ทะเลสาบ) คือ ทะเลสาบที่ไม่มีทางออกที่อยู่บนความสูงนับจากหน้าผิวน้ำ 4,250 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ตัวทะเลสาบมีความยาว 134 กิโลเมตร ระยะที่กว้างสุด 5 กิโลเมตรจากขอบสู่ขอบและส่วนลึกสุดของทะเลสาบ ประมาณ 100 เมตร น้ำจะเป็นน้ำแข็งทั้งหมดในฤดูหนาวช่วง พ.ย-มี.ค. ขณะที่เรามา คือช่วง พ.ค. ซึ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ทะเลสาบนี้เป็นพื้นที่ของสองประเทศ ฝั่งตะวันตกเป็นของอินเดีย ฝั่งตะวันออกเป็นของประเทศจีน








คืนนี้ เพื่อนผม จองที่พักเป็นแบบเตนท์ แต่ไม่ใช่เตนท์เล็กแบบบ้านเรานะ จะเป็นเตนท์ที่มีขนาดประมาณ ยาว 5 เมตร กว้าง 3 เมตร สูงประมาณ 2 เมตร มีหน้าต่างด้านละ2บาน มีห้องน้ำ(ที่ไม่สามารถอาบน้ำได้ ถ้าใครสามารถอาบน้ำได้บอกผมด้วย เพราะมีแต่น้ำหนาว ไม่มีน้ำอุ่น)ในตัวเตนท์




เรามีเวลา นั่งหนาวกันประมาณพอสมควรเพราะเราถึงที่นี้ประมาณ 16.00 น. เลยมานั่งที่เตนท์ส่วนหน้า นั่งดูวิว ดื่มชาmasala เป็นชานมผสมขิง และก็หาอาหารร้อนคลายหนาวกัน นั้นคือ มาม่า ของเรานั้นเอง 555

แต่บอกเลยว่า พอ19.00น. พระอาทิตย์เริ่มตกเท่านั้นแหละ ความหนาวระดับช่องฟรีสก็มา มันหนาวจับขั้วหัวใจยิ่งถ้าโดนลมล่ะก็มีสั่นทั้งตัว แต่ก็ได้อารมณ์ที่เข้าถึงการท่องเที่ยวแบบอินให้ถึงที่สุด
เป็นคืนที่ผ่านมาด้วยความยากลำบาก เพราะกลางคืนหนาวจนไม่ยอมเดินไปทานอาหารเย็นกัน เข้าเตนท์กันตั้งแต่ 20.00น. และก็พยายามซุกตัวในผ้าห่มให้นานที่สุด เพราะไม่ฮิตเตอร์บวกกับลมที่พัดมาตามรูเตนท์และหน้าต่าง แค่ลุกไปแปรงฟันที่อยู่ห้องถัดไปด้านหลังเตียงนอน  เดินแค่5ก้าวยังลำบากใจเลย พอผมเอามือรองน้ำเท่านั้นแหละ! ไร้ความรู้สึกเหมือนมือได้หายไปทันใด กัดฟันแปรงฟันให้เสร็จและกลับมาซุกตัวที่เตียงอย่างไม่ต้องคิด ถ้ายังอยากมีชีวิตรอด55 เตนท์หนึ่งเขาจะให้ผ้าห่ม3ชั้น ซึ่งถือว่าอุ่นมากแต่ก็มีน้ำหนัก​มากเช่นกัน.. เราเอาตัวซุกไปให้เยอะที่สุด เหลือเพียงส่วนหัวก็เอาหมวกไหมพรมปิดไว้ และก็เอาผ้าบัฟมาปิดปากและจมูก

ซึ่งกว่าผมจะนอนได้ก็เกือบ4ทุ่ม ประมาน1.30น. สะดุ้งตื่นมา และก็ลำบากแล้วสิครับ เพราะมันหนักมาก ลมสบัดเตนท์ทั้งคืน อุณหภูมิลดลงน่าจะมีติดลบ ตอนที่พยายามจะหลับมีความรู้สึกหนาวถึงขั้นจะป่วย "พยายามบอกกับตัวเองว่า ป่วยไม่ได้ต้องรีบนอน ต้องผ่านไปให้ได้"
---------------------------------------------------------------------------

วันนี้พบได้เจอกับเรื่องน่าเศร้าและหงุดหงิด หดหู่ใจที่สุด ที่บริเวณทุ่งหญ้าของสัตว์ต่างๆ ที่อยู่ใกล้ ทะเลสาบ ซึ่งนักท่องเที่ยวก็จะจอดลงไปดู ถ่ายรูปกันมากมาย แต่ก็มาเจอกับพวกอินเดียไร้จิตสำนึกเหมือนเดิม ดูจากรูปเอง นี้แค่ส่วนเดียวเท่านั้น..... ทำไปด้วยความภาคภูมิใจมาก โดยไม่รู้เลยว่า สัตว์จะเจ็บหรือทรมานขนาดไหน ถ้าใครแค่เอาเปรียบพวกเมิงยังไม่ยอมเลย นี้เมิงไปลากดึงบังคับสัตว์ที่น่ารัก พวกเมิงเอาอะไรคิดกัน ผมไม่เข้าใจมันดูดีน่าภูมิใจตรงไหน



สวัสดีพวกอินเดีย
-------------------------------------------------------------------

ติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวดีๆ ที่ : 👉👉👉 BACKPACKGO

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น