หยุดชีวิตซวนเซ ทีเลห์ลาดัก 2 (New Delhi - Leh City)


ติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวดีๆ ที่ : 👉👉👉 BACKPACKGO

หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดักSpecial (โรคแพ้ความสูง และการเตรียมตัว)
หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดัก 1 (์ฺBangkok city - New Delhi)
****************************

20 พ.ค. 2561 : New Delhi - Leh City

เริ่มจาก Terminal 3 ของ สนามบินที่นิวเดลี
หลังจากนอนจนอิ่ม 3.45น. ก็เริ่มผจญภัยในอินเดียอีกครั้ง เก็บข้าวของ แล้วเดินไปที่ domestic ที่อยู่ในterminal เดียวกัน.. เขาเช็คbooking และ  passport พอถึงเคาว์เตอร์ กับเจอปัญหานิดหน่อย ที่เมืองไทยไม่สามารถออกboarding passให้ได้ต้องมาออกที่นี้ เขาขอดูboarding pass ที่มาจากไทย (เช็คดูให้ พนง.ติดtagกระเป๋าที่จะโหลดไปleh ให้แน่นอนก่อน เพราะอาจจะเกิดกระเป๋าหายหรือช้าได้ ถ้าไม่ติดtag)
Tips: ถ้าเป็นไปได้ ควรขอนั่งหน้าต่างด้านซ้ายที่ไม่ติดปีกเครื่องบิน เพื่อจะได้ชมวิวสวยๆได้เต็มตา

แล้วเราก็ต้องขึ้นมาที่ชั้น2 โดยใช้ลิฟท์ข้างเคาว์เตอร์นั้น เมื่อถึงมันก็คือชั้นdepart  และเราก็เข้า ฝั่งdomestic เพื่อตรวจกระเป๋าและร่างกาย(ต้องนำอุปกรณ์อิเลคโทรนิคออกจากกระเป๋า แต่ให้เราถือ passport และ boarding passไว้กับตัวเพื่อให้ จนท.แสตมป์ผ่านให้)​โดยจะต้องยืนแยกช่องชายหญิง เมื่อผ่านเป็นอันเสร็จพิธี เดินทางสู่gate โดยจะผ่านเหมือนshopping mallย่อมๆ มีทั้งkfc chespy cream. ถือว่า เป็นสนามบินที่ใหญ่พอตัวเลยทีเดียว. แต่อินเดียก็คือ อินเดีย เพราะคำว่า สายคือ บทที่บัญญัติไว้ในสายเลือดอินเดียไปแล้ว ในใบCheck in แจ้ง 5.40 แต่ออกจริงคือ 6 โมงกว่าๆ


เครื่องขึ้นบินประมาณ30นาที เราก็พบกับโลกที่สวยงาม เห็นทิวเขาหิมะสุดลูกตา ขาวโพนไปทั่วจรดขอบฟ้าเกินที่จะพรรณนาถึงความงดงาม สลับกับเขาชั้นทราย สีสรรดูแปลกตาแต่ลงตัว กัปตันพาเราบินวนลัดเลาะตามหุบเขา จนมาถึงสนามบินเลย์ เป็นสนามบินเปิดกว้างไม่มีอาคารมารองรับ ต้องรอรถมารับไปอาคารเท่านั้นซึ่งก็เล็กๆ





อาหารบนเครื่อง New delhi-Leh
อาหารบนเครื่อง






















พอเขาอาคาร เราต้องกรอกเอกสารขาเข้าเลย์อีกครั้งและส่งให้ จนท ก็คือทหารทั้งนั้น





เมื่อออกจากสนามบิน ก็ตรงสู่รร. Padma guesthouse อาการของเราที่มาถึง คือ เดินแล้วเหนื่อยง่าย หายใจไม่ถนัด และรู้สึกเพลียง่วง แต่ก็่ห้ามนอนบนรถ จากสนามบินถึง รร. ประมาณ 10 นาที


พอถึง รร. ก็check in เข้าห้องพัก รร. ถือว่า ดี เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย และภายในห้องก็สะอาดมีน้ำร้อนและฮิตเตอร์ ถือว่า สบายในระดับหนึ่งเลย รร.นี้ รู้จักมากในหมู่คนไทย เราพักกันที่ชั้น2 ซึ่งแค่เดินขึ้นบันไดก็แย่มากแล้ว ไกด์บอกให้เรานอนพักถึง4โมงเย็น








พอเข้าห้องพัก ผมก็ค่อยๆเดิน ค่อยๆเปิดกระเป๋า สภาพที่เห็นคือ ขนมถุงมีระเบิด ขวดครีมก็ระเบิด โชคดีที่ใส่ถุงไว้อีกชั้นหนึ่ง

โดยเมื่อเที่ยงเราทานอาหารที่ รร. ผมทานข้าวผัดไข่กับซุปกระเทียม แล้วก็กลับมานอนต่อ

16.00น. ก็เริ่มออกเดินทาง ไป Leh Palace
พระราชวังเลห์ Leh Palace เป็นวังโบราณ บนยอดเนินเขากลางเมือง สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 17 เป็นพระราชวังแห่งราชวงค์ลาดัก แต่ปัจจุบันไม่มีอะไรให้ชมนอกจากห้องพระกับดูวิวรอบๆ ค่าเข้าคนละ15 rb มีทั้งหมด9 levels

Leh palace



ห้องพระ ใน Leh palace



วิวจากระเบียง Leh palace


เจดีย์สันติภาพ Shanti stupa. เป็นเจดีย์สีขาวขนาดใหญ่รูปทรงเนปาลผสมธิเบต สร้างโดยญี่ปุ่นในปี 1983 เสร็จ 1991 โดยความตั้งใจที่จะนำพระพุทธศาสนากลับมาสู่ดินแดนต้นกำเนิด(อินเดีย) มี พระภิกษุญี่ปุ่นและพระลามะเลห์เป็นจุดเริ่มต้น สร้างขึ้นเพื่อประกาศพระศาสนาและแสดงถึงสันติภาพแห่งโลก และเป็นการฉลองครบรอบ 2,500ปีของพระพุทธศาสนา ตั้งอยู่บนยอดเขาชางสปา ใกล้หมู่บ้าน Changspa มีความแปลกตาแต่ดูดี และยังได้เห็นวิวเมืองเลย์อีกด้านหนึ่ง โดยมีด้านหลังเป็น เทือกเขาทรายสูง ทำให้ เจดีย์ขาวนี้สีตัดกับสีเทือกเขาอย่างโดดเด่น
Shanti stupa
  





เสร็จกันประมาณ 18.00น. ก็เดินทางกลับ รร. อาการต่างๆยังคงอยู่ครบ พระอาทิตย์ที่นี้ตกประมาณ 1 ทุ่มกว่าๆเลย พระอาทิตย์ตกช้า ทำให้แสงสว่างในการทำธุระต่างได้นานกว่าเมืองอื่นหน่อย
เราเข้านอนกันตั้งแต่20.30น. เพื่อนเพลียมาก ผมปวดต้นคอ ตา เลยตัดสินใจไม่ทานข้าวกัน หันหน้าหากันแล้วลากันเข้านอน และวันนี้ ก็คุยกันว่า จะไม่อาบน้ำ และถ้ามีอะไร หรือ อาการไม่ดี จะเรียกกัน. แต่เอาจริงๆ แรงที่จะลุกขึ้นมาจากเตียงยังยากเลย...
----------------------------------------------------------------

ติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวดีๆ ที่ : 👉👉👉 BACKPACKGO

หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดัก 3 (Leh City - Hemis - Thiksey  - Shey Palace - Leh Main Bazaar)
หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดัก 4 (Lamayuru Monastry - Alchi Monastry - Likir Monastry)
หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดัก 5 (Leh City - Hunder Nubra Valley)

ความคิดเห็น