หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดัก 9 (Leh City - Tso Moriri - Leh City - New Delhi - Bangkok City)

ติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวดีๆ ที่ : 👉👉👉 BACKPACKGO

หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดักSpecial (โรคแพ้ความสูง และการเตรียมตัว)
หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดัก 1 (์ฺBangkok city - New Delhi)
หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดัก 2 (New Delhi - Leh City)
หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดัก 3 (Leh City - Hemis - Thiksey  - Shey Palace - Leh Main Bazaar)
หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดัก 4 (Lamayuru Monastry - Alchi Monastry - Likir Monastry)
หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดัก 5 (Leh City - Hunder Nubra Valley)
*************************
27-28 พ.ค. 2561 : Leh City - Tso moriri - Leh City - New Delhi - Bangkok City


วันนี้ พวกเราตอนออกเดินทางกันตั้งแต่ 5.00น. ขณะรอก็ได้พบครอบครัวคนไทยที่มีผู้ใหญ่4คนวัยรุ่นคนหนึ่ง มีอาการป่วยกลายจะเป็นโรคAMS  และมีไกด์มารับเพื่อไป รพ.
วันนี้รถมารับช้าเลยออกกันเกือบ 6.00น. เป็นการช้าจนคิดว่า ลืมพวกเราไปแล้ว ซึ่งไกด์ได้เตือนเราตั้งแต่เมื่อวาน ว่า ที่Tsomoriri lake จะหนาวกว่า pangong lake และต้องนั่งรถนานมาก แต่ก็สวยมากเช่นกัน
ระหว่างทางที่เราเดินทางไปนั้น แม้ว่าจะนานแต่ไม่มีความรู้สึกเบื่อหรือง่วงเลย เพราะ วิวรอบข้างที่ตรึงตาเราไว้ไม่ให้ได้พัก ไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตา






เราถึงตัวทะเลสาบ Tso moriri ประมาณ 11.30น. และคนขับก็พาเราชมถนนที่ลัดเลาะตามเขารอบทะเลสาบ ซึ่งเป็นวิวที่สวยมาก บางส่วนเป็นลำธารเล็ก บางส่วนก็ยังเป็นน้ำแข็ง ซึ่งขณะที่เราลงไปถ่ายรูปก็เกิดละอองหิมะตกลงมาก ซึ่งช่วงที่เราอยู่รอบทะเลสาบคือเวลาเที่ยง แต่อุณหภูมิน่าจะมีเลขตัวเดียว หนาวตามคำบอก ไม่อยากคิดช่วงกลางคืน(ถ้ามีใครกล้าพักค้างแรม ว่าจะสยองขนาดไหน!!)


เราตั้งใจจะกลับมาถ่ายรูปริมทะเลสาบ แต่มียุงท้องถิ่นเยอะมาก รอบทะเลสาบ เราแค่จอดรถนับได้แค่2 ก็ถูกพวกมันรุมแล้ว เราเลยใช้วิธีขับรถไป ถ่ายรูปไป ซึ่งมันเหนือคำบรรยาย




พวกเราลงมติว่า ที่นี้ คือพระเอกของทริป อย่างเอกฉันท์ แม้ว่าฟ้าจะมีหมอก ทะเลสาบอาจจะเล็กกว่าpangong lake แต่ความสวยงาม ความหลากหลาย ความลงตัวของภูมิประเทศนั้นทำให้ใจพวกเราเต้นไม่เป็นจังหวะ กดชัตเตอร์กันไม่ทัน น้ำใสจนเห็นพื้นน้ำอย่างชัดเจน น้ำเป็นสีเขียวมรกตนวลแต่พอลึกก็จะเป็นฟ้าน้ำทะเล มันชั่งตื่นตาตื่นใจอย่างบอกไม่ถูก

ไม่หมดแค่นั้น ตลอดทางที่เราเดินทางจากเมืองเลห์ ประมาณ 140 กม. เราจะผ่านทางวัดHemis, shey palace ซึ่งเลยจากเส้นทางนี้ เราก็จะพบกับธรรมชาติที่บรรจงสร้างอย่างที่เราไม่สามารถหลับตานอนได้เลยจริงๆ! ผมมิได้พูดเกินความเป็นจริงสักนิด กดลั่นชัตเตอร์ทั้งขาไป และขากลับก็ยังคงหยุดจะเก็บภาพรอบข้างทาง ที่เลียบแม่น้ำมาไม่ได้ ภาพวิว สลับกับ สัตว์ต่างๆ





เรากลับมาถึง รร. ประมาณ 16.45น. พักกันสักหน่อย แล้วค่อยออกไปทานข้าวกันตอนเย็น ซึ่งวันนี้ มีกลุ่มคนไทยอยู่รร.นี้ถึง4กลุ่มเลย ถือว่า เป็นช่วงวันหยุดไทยและอินเดีย ทำให้เลห์เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว
สรุป ครอบครัว5คนที่มีคนป่วยนั้น มีคนต้องนอนให้ออกซิเจน 2คน มีคนหนึ่งต้องอยูุ่ในการดูแลถึง2ชม. เมื่อคุยได้ใจความว่า วันแรกที่มาถึงเลห์(เมื่อวาน)​ ไม่ยอมพักผ่อน ไม่ยอมนอนกัน ออกมาเดินเล่นและก็จัดตารางไปหลายที่ในวันแรก : ผมถึงเข้าใจกับคำที่เขาว่า "การเดินทางข้อมูลและการเตรียมตัวคือ สิ่งสำคัญที่สุด."
คืนนี้คือ คืนสุดท้ายของเลห์ แล้วพรุ่งนี้ผมก็จะเดินทางจากเลห์สู่นิวเดลี และต่อไปที่กรุงเทพฯ
ทริป เลห์ลาดัก 9วัน เป็นทริปที่น่าจดจำอีกทริปหนึ่งในชีวิต


-----------------------------------------------------------------------
28 พ.ค. 2561

วันรุ่งขึ้นคือ วันที่เราต้องเดินทางกลับ เราออกจากที่พักกันตั้งแต่ 5.00น. เพราะเวลาเครื่องขึ้นตอน 07.00น. จากที่พักถึงสนามบินใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีเท่านั้น ที่สนามบินเลห์จะมีประตูทางเข้าอาคาร2ประตู ซึ่งเราต้องนำเอกสารการจองตั๋วไปถามเจ้าหน้าที่ด้านหน้าอาคาร พอเข้าสู่ตัวอาคารต้องตรวจกระเป๋าและตรวจอาวุธ เมื่อผ่านจุดตรวจแล้ว ก็เดินไปก่อนถึงตัวเคาว์เตอร์สายการบินด้านซ้ายมือ จะมีเอกสารขาออก ที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศต้องกรอก และยื่นให้กับทางเจ้าหน้าที่หน้าประตูทางเข้าห้องรับรองรอขึ้นเครื่องบิน เมื่อผ่านทางเข้า ก็ต้องตรวจกระเป๋าและอาวุธอีกครั้ง โดยที่เราต้องนำตั๋วเครื่องบินและพาสปอร์ต ให้เจ้าหน้าที่ประทับตรา ณ.ตรงจุดนี้ เมื่อผ่านเข้าไปก็รอ ภายในบริเวณนี้ จะมีร้านขายขนมปัง กาแฟ ชา

บรรยากาศบริเวณห้องรับรองรอขึ้นเครื่อง
เมื่อถึงก่อนเวลา(ก่อนเวลาขึ้นเครื่อง)จะมีเจ้าหน้าที่ประกาศเรียก ต้องรอฟังให้ดีๆ เอาแน่เอานอนกับคนประเทศนี้ไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวหลัง แถมเรียกพร้อมกันทั้ง 2 สายการบิน มั่ว มึน งงกันไปทั้งอาคารเลย ไม่รู้จะขึ้นถูกหรือผิด ไม่รู้จะเข้าแถวไหนกัน  เมื่อจะผ่านจุดตรวจตั๋วเครื่องบิน ก็ต้องตรวจร่างกายอีกครั้ง(ระบบประเทศนี้ดีมาก ตรวจแล้วตรวจอีกจนโค-ตะ-ระ มั่นใจ3ล็อคเลย)

พอเดินออกมาก็ต้องดูรถที่จะรับไปที่เครื่องบินให้ดี เพราะมีถึง2สายการบิน ขึ้นผิดชีวิตเปลี่ยน...

และเราก็ได้ขึ้นเครื่องกลับ สู่นิวเดลีเสียที และก็ยังไม่จบความประทับใจ เรายังได้เห็นยอดเทือกเขาได้อวดโฉบบอกลาพวกเราอีกครั้ง


----------------------------------------------------------------------------------------

ความประทับของทริปนี้ ที่เลห์ (19-28 พ.ค. 2560 นับรวม 10 วันพอดี) คือ
        ธรรมชาติพูดเลยว่า สวรรค์ติดดิน อลังการและดิบมาก ไร้การปรุงแต่ง เข้าถึงสถานที่ยาก แต่แปรผกผันกับความวิจิตรธรรมชาติสร้าง น้ำใส ไหลเลาะร่องเขา เทือกเขาเปลี่ยนสี ท้องฟ้าที่ตัดกับหมอกเมฆ ความดิบ ความสด และความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ ที่รังสรร สรรค์สร้าง ความอลังการ ไม่ว่าจะเป็น เทือกเขา หุบเขา ร่องเขา ลำธาร สายน้ำ ทะเลทราย ทะเลสาบ ต้นไม้ ทุ่งหญ้า ท้องฟ้า นภากว้าง จนถึงขั้น ก้อนกรวด ก้อนหิน หน้าผา หิมะ เกล็ดน้ำแข็ง ก็ยังงดงามทุกมุม ทุกวินาที ทุกสถานที่ ทุกครั้งที่พวกเรากะพริบตา จะมองหน้าหรือมองหลังก็ตาม มันชวนให้พวกเราหลงใหลได้ตลอดเวลา



ความน่ารัก และ อิสรภาพที่มากพอ ของสัตว์ป่าต่างๆ ที่อยู่ตามธรรมชาติ ช่วยสร้างบรรยากาศที่เติมเต็มความมีชีวิตชีวาอย่างน่าสนใจและลงตัว เพิ่มรอยยิ้ม ความตื่นเต้นของการเดินทางได้เป็นอย่างดี สัตว์ป่า สัตว์เมือง ลา ม้า ควาย ตัวyak ตัวmarmot กวาง แพะ แกะ เป็ดคอดำ และนกต่างๆ อยู่กันตามธรรมชาติ ไม่มีการจัดฉากใด

- ผู้คนที่เลห์, นูบราและ turtuk(ที่ไม่ใช่พวกอินเดียที่มาเที่ยว พวกนี้เกินเลวไปมาก)​ เป็นคนน่ารัก ใจดี นิสัยดี ซื่อสัตย์ มีความเกรงใจ และเป็นมิตร ดูไม่ค่อยมีพิษมีภัยอันใด ที่สำคัญ ผู้ชาย หน้าตาค่อนข้างดีถึงดีมากคมเข้ม แต่ผู้หญิงวัยรุ่นนั้น ผมไม่ค่อยพบตามท้องถนน น่าจะอยู่บ้าน แต่ที่พบก็หน้าตาและผิวพรรณดีเหมือนกัน หน้าจะเป็นแขกฝรั่งขาวผสมจีน
- อาหารที่นี้ไม่ถึงกับแย่อย่างที่คิดไว้ ขอแค่ไม่เลือกเยอะก็ทานได้ ไม่จำเป็นต้องเตรียมอาหารแห้งไปมากมาย ติดซอสพริกไปด้วยจะดี เพราะอย่างน้อยก็ข้าวไข่เจียว แล้วก็มาฝากท้องที่ Gesmoได้สบาย
- อากาศช่วงกลางพ.ค. เป็นช่วงอากาศที่ดีในความคิดผม เพราะ อากาศที่เมืองเลห์ไม่หนาวมากเกินไป(แต่ก็ยังหนาวมากอยู่ดี)​ อากาศจะอุ่นขึ้นจาก เม.ย. ลองคิดสภาพที่ทะเลสาบและทะเลทรายนูบราจะหนาวอาจจะถึงติดลบแล้วไม่มีฮิตเตอร์ทำความอุ่นในห้องจะหนาวสะท้านกว่าแน่นอน
- ห้องน้ำที่นี้ ต้องยอมรับสภาพกับชีวิตมาก ยิ่งตามห้องน้ำสาธารณะระหว่างทางคือ สลบตายไปจะง่ายกว่า ยิ่งสุภาพสตรี ต้องขอให้หินก้อนโตบนเนินเขาแล้วเอาร่มปิดช่วย ถึงเวลา นั่งลมห่มฟ้า กันก็คราวนี้แหละ แนะนำ ให้เข้าห้องน้ำที่ รร. ให้เรียบร้อย และทำใจ ที่อาจจะต้อง on the rock. กัน
- โรคแพ้ความสูง ควรเตรียมตัวออกกำลังกาย เพื่อช่วยบริหารปอดและหัวใจทำงานได้ดีในอากาศที่เบาบาง เดินและเคลื่อนไหวให้ช้า อย่าฝืนเป็นอันขาด เหนื่อยหายใจไม่ทันให้หาที่นั่งพักทันที ถึงวันแรกอย่าเสียดายเวลา ให้นอนให้เต็มที่ จะเกิน10ชม. ก็ต้องนอน, การมีเพื่อนนอนด้วยจะดี จะได้รู้อาการของเราตลอด และอย่าอาบน้ำในวันแรก ร่างกายยังปรับไม่ทัน และพยายามอย่าอาบน้ำร้อนนาน ขณะอาบให้ค่อยๆเทจากขามาหัวด้วยน้ำอุ่นก่อน,ประเมินอาการตัวเองเสมอ และต้องถามหรือแจ้งอาการซึ่งกันและกัน ห้ามปิด ห้ามเกรงใจเด็ดขาด! เพราะถือว่า อันตรายมาก พยายามเชื่อใจ เข้าใจและไว้ใจกัน
- ควรมีเพื่อนร่วมทริปร่วมเดินทางไปด้วยจะได้สนุก เฮฮา บ้าบอและไม่เหงา เพราะเราจะถูกตัดออกจากโลกภายนอก ไม่ต้องคาดหวังอินเตอร์เน็ต มันไม่มีเลย บางวันไฟดับก็มี เพราะฉะนั้น เราจะได้ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน แชร์ชีวิต แลกเปลี่ยนพูดคุย ไม่สนิทกันมากขึ้นก็เกลียดหน้ากันไปเลยล่ะ5555
- ความเหมาะสมในการเดินทาง คือ ผู้ร่วมเดินทาง2-4คน จะได้รถinnova จะไม่เมารถมาก แต่ถ้ากลุ่มใหญ่มาก ก็สัก8คน จะเป็นรถบัสเล็ก
- การเดินทางในแต่ละที่ ต้องมี2-8ชม. ซึ่งถ้าไปกลับก็ถือว่า นาน ถ้าฟังเพลงอินเดียไม่ค่อยติดหูเท่าไร ผมก็แนะนำควรโหลดเพลงไว้ในมือถือ หรือ flash drive เพื่อฟังให้หายคิดถึงเพลงไทย หายเหงา หรือ บางที่ก็แหกปากกันในรถไปเลย

กรุณาทำตามกันหน่อยนะ ขอร้องนะ อินเดีย

เลห์ลาดัก อาจจะเดินทางยาก แต่ก็ไม่มากกว่าธรรมชาติที่เหนือคำบรรยาย
ที่เลห์ไม่ได้มีความประทับใจแค่ วิวอลังการ ชาวบ้านใจดี วิถีเมืองศาสนา วัฒนธรรมงามจิต พิชิตความหนาว สาวๆหาย สายๆเริ่มทำงาน เบิกบานทะเลสาบ ขนาบปากี ดูดีกว่าอินเดีย.แล้ว...... ยังมีสัตว์โลกน่ารักอีกมากมาย...ให้เราได้พบเจอทุกวัน.


"SEE YOU AGAIN LEH LADAKH"

*****************************************************

ความคิดเห็น