หยุดชีวิตซวนเซ ทีเลห์ลาดัก 8 (Pangong lake -Chang la - Leh City )

ติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวดีๆ ที่ : 👉👉👉 BACKPACKGO

หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดักSpecial (โรคแพ้ความสูง และการเตรียมตัว)
หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดัก 1 (์ฺBangkok city - New Delhi)
หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดัก 2 (New Delhi - Leh City)
หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดัก 3 (Leh City - Hemis - Thiksey  - Shey Palace - Leh Main Bazaar)
หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดัก 4 (Lamayuru Monastry - Alchi Monastry - Likir Monastry)
หยุดชีวิตซวนเซ ที่เลห์ลาดัก 5 (Leh City - Hunder Nubra Valley)
**************************
26 พ.ค. 2561 : Pangong Lake - Chang La - Leh City


เป็นคืนที่ผ่านมาด้วยความทรมานแสนสาหัส ห่มผ้าห่มหนาถึง 3ชั้น กับ หมวกไหมพรม ถุงมือไหมพรม2ชั้น ถุงเท้าหนา และชุดนอนexter heatect แต่ก็เอาไม่ค่อยอยู่ ตอนนอน ผมต้องซุกตัวเหลือแต่เหนือคอ หายใจออกจะร้อน แต่หายใจเข้าจะเย็นแสบทั้งจมูก ต้องพยายามนอนให้ได้ เพราะเรายังต้องเดินทางกันต่อในวันรุ่งขึ้น ผมจะมีอาการหลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืน ด้วยหนาวและออกซิเจนน้อย

ประมาณ 5.00น. ผมก็สะดุ้งตื่นอีกครั้ง แสงอาทิตย์เริ่มสว่างบ้างแล้ว ก็นอนคิดว่า จะนอนต่อดีหรือตื่นเลย เพราะคนขับนัดออกเดินทาง8.30น. คิดอยู่สักพักก็ตัดสินใจตื่น กะว่า จะขอชมบรรยากาศสักหน่อย ไม่ผิดหวังจริงๆครับ! พระอาทิตย์กำลังโผล่มาทักทายจากเทือกเขาฝั่งตรงข้าม ตอน5.30น. เราตั้งกลัองถ่ายจะพระอาทิตย์เต็มใบ แล้วผมก็กลับเข้าเตนส์อีกครั้งเพื่อจัดกระเป๋า ที่นี้สวยทุกเวลาจริงๆครับ แดดมาในรูปแบบไหน ทิศใดก็ตาม ภาพภูเขา สีน้ำทะเลสาบก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามแสงที่ตกกระทบ ดั่งภาพวาดก็ไม่ผิด
8.20น.ล้อก็หมุน ออกเดินทางได้! แม้ว่ายังไม่ทันจะได้ออกนอกบริเวณทะเลสาบ ผมต้องให้คนขับจอดรถถึง3ครั้ง เพราะความสวยที่ไม่บันยะบรรยัง ของสถานที่panngon lake.​ มันคือความวิจิตรสวยงามในทุกมุม ทุกขณะ ทุกเวลา คุ้มค่าที่เดินทางมาไกลและต้องทรมานนอนเตนท์กันทั้งคืน ที่ผมถ่ายมาให้ดูมันเทียบมิได้กับของจริงที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้เลย ถึงจะถ่ายที่มุมเดิมกับเมื่อวานและงานก็ยังดีและดีกว่าเดิมอีก



ระหว่างทางเราขอแวะถ่ายรูปกับตัวmarmot อีกครั้ง เพราะเมื่อวานเสียใจกับแขกอินเดียสันดานเสียไม่น้อย ครั้งนี้ดีกว่าเมื่อวาน น่าจะพวกอินเดียเลวยังนอนขี้เกียจกันอยู่ ทำให้มีคนอินเดียมาถึงบริเวณนี้น้อย เราได้เข้าใกล้ตัวmarmotมาก มันดูเชื่อง และแล้วก็มีคนอินเดียกลุ่มหนึ่่งได้ โยนขนมที่เป็นช็อกโกแลตให้มันกิน ซึ่งผมงงอีกครั้งกับความไม่สนใจอะไรของอินเดีย ขนมคนมันจะทำร้ายสัตว์อย่างมาก ทั้งร่างกายและสัญชาตญาณหากินตามธรรมชาติ(แม้แต่ไกด์ท้องถิ่นยังระอากับคนจำพวกนี้ พวกอินเดียใต้ควายมากๆ พูดไม่เคยฟัง ทำพังอะเก่ง)​ ทั้งที่ก็มีป้ายเตือน ห้ามให้อาหารสัตว์แล้วก็ไม่วายจะแหกกฎกัน





ในมือคือ ช็อคโกแลต ที่พวกอินเดียปาให้กิน
เราก็ออกเดินทางต่อ ถ่ายรูปตามทาง แม้เป็นเส้นทางเดิมไม่นานนัก ก็ต้องแยกทางไปอีกเส้นหนึ่ง ซึ่งจะผ่านลำธารสักครู่แล้วก็ต้องลัดเลาะไต่ขอบเขาขึ้นไปสู่ยอดสู่เพื่อข้ามเขาไปอีกฝั่ง


และก่อนถึงยอดเราก็พบกับลานหิมะที่กว้างมาก และหิมะถือว่า ขาวสะอาดพอสมควร ไม่รีรอ รีบโดดลงจากรถไป สัมผัสหิมะขาวสักหน่อย



 โดยเส้นทางที่เราเดินทางกลับสู่ เลห์ จะผ่านอีกถนนที่มีความสูงเป็นอันดับ3ของโลก คือ Chang la pass เมื่อเราผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว พอมาถึงที่นี้ อาการต่างๆเลยเบาบางลง มีอาการเหนื่อยง่าย หายใจยากบ้างแต่ไม่มากนัก

ป้ายเขียนอันดับสอง แต่ปัจจุบันคือ อันดับสามแล้ว
และก็สามารถอยู่ได้นานขึ้น จนมาบรรจบกับ วัดHemis ซึ่งเป็นทางเชื่อมกันพอดี และเราก็ใช้เส้นทางนั้นไปเลห์
 เราแวะทานอาหารกันที่ร้านตรงข้าม shey palace เป็นร้านบ้านๆ ที่ข้าวผัด กาแฟ ขนมปังปิ้งชีส  หมี่ผัดแสนอร่อย และยังสั่งmomo(ธรรมดา)​ กับน้ำมะม่วงจ่ายไป 350Rs






และก็ตรงกับรร.กัน  ขณะที่เราเดินทางกลับนั้น ระหว่างทางก็มีขบวนหาเสียงของนักการเมืองพรรคต่างๆของประเทศอินเดีย ทำให้ดูเป็นบรรยากาศที่คึกคักไม่เบา เราถึงประมาณ 15.00น.





ก็เริ่มจัดของ พักผ่อนกัน วันนี้เราฝากท้องที่ร้านแสนอร่อยคือ Gesmo นั้นเอง ยินดีจ่ายในราคา 690Rs อย่างมีความสุข.







------------------------------------------------------------------------------

ติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวดีๆ ที่ : 👉👉👉 BACKPACKGO

ความคิดเห็น